"การลงทุนในอเมริกา" โดย โรเบิร์ต คิโยซากิ

"การลงทุนในอเมริกา" โดย โรเบิร์ต คิโยซากิ

หนังสือ “เงินสี่ด้าน” โดย โรเบิร์ต คิโยซากิ

“อิสรภาพ ทางการเงินที่แท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เงินของคุณกำลังทำงานแทนคุณ พ่อรวยสอนผมว่า คนจนและคนชั้นกลางใช้แรงงานทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน ส่วนคนรวยใช้สมองให้เงินทำงานแทนพวกเขา นักลงทุนใช้เงินต่อเงิน พวกเขาไม่ต้องทำงานเพราะว่าเงินของพวกเขาทำงานแทนเขา การที่จะเป็นนักลงทุน คุณจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องของความเสี่ยง ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่คุณสามารถบริหารได้ หรือเรียกว่า การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เพื่อควบคุมความเสี่ยง ลดความเสี่ยง จำกัดความเสี่ยง หรือแม้กระทั่งกำจัดความเสี่ยงทิ้งไป”

หนังสือ “พ่อรวยสอนลงทุน” โดย โรเบิร์ต คิโยซากิ

“คน จนและคนชั้นกลางลงทุนในกองทุนรวม (Mutual Fund) ส่วนคนรวยลงทุนในกองทุนป้องกันความเสี่ยงหรือเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) หลายคนมีความเห็นว่ากองทุนป้องกันความเสี่ยงมีความเสี่ยงสูงเกินไป แต่ผมกลับไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นนั้น ผมคิดว่ากองทุนรวมต่างหากที่มีความเสี่ยงมากกว่า เพราะกองทุนรวมส่วนใหญ่สามารถทำกำไรได้เฉพาะในช่วงตลาดขาขึ้น ในขณะที่กองทุนป้องกันความเสี่ยงบางกองทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้น และขาลง แล้วกองทุนไหนล่ะที่คุณคิดว่ามันมีความเสี่ยงมากกว่ากันในระยะยาว คำว่า ป้องกันความสี่ยง (Hedge) เป็นคำที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุนผู้ชาญฉลาด ซึ่งหมายถึงการป้องกันการสูญเสียหรือขาดทุน และการไม่ป้องกันก็คือความเสี่ยงนั่นเอง นี่คือที่มาของความแตกต่างระหว่างกองทุนรวมและกองทุนป้องกันความเสี่ยง”

หนังสือ “เกษียณเร็ว เกษียณรวย” โดย โรเบิร์ต คิโยซากิ

“ถ้า คุณต้องการเกษียณเร็วและเกษียณรวย การป้องกันความเสี่ยง (Hedge) เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก นักลงทุนทั่วไปที่ลงทุนใน ออปชั่น (Options) จะไม่เคยรู้สึกปลอดภัย พวกเขารู้สึกว่าการลงทุนนั้นเสี่ยง และสำหรับพวกเขามันก็เป็นความเสี่ยงจริงๆ เหตุเพราะพวกเขารู้สึกไม่มั่นใจ พวกเขาจึงเชื่อในผู้จัดการกองทุนหรือพี่น้องของเขาที่เป็นนายหน้าค้าหุ้น หรือนักวางแผนทางการเงิน โดยการตั้งความหวังหรือสวดมนต์ภาวนาให้คนเหล่านี้สามารถป้องกันพวกเขาจาก วิกฤตการณ์ของตลาดได้ ปัญหาก็คือผู้จัดการกองทุนหรือนายหน้าค้าหุ้นโดยเฉลี่ยแล้วไม่สามารถทำการปก ป้องพวกเขาจากความล้มเหลวของตลาด และก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาทำเงินได้ในตลาดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่มี การเคลื่อนไหวของหุ้นมากนัก หนทางที่จะทำให้ชนะในทุกตลาดได้ก็คือ การเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำศัพท์ต่างๆ ของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยง (Hedge) ด้วย ออปชั่น (Options) เช่น คอลออปชั่น (Call Options) พุทออปชั่น (Put Options) ฯลฯ

หนังสือ “ใครเอาเงินของฉันไป” โดย โรเบิร์ต คิโยซากิ

“ออ ปชั่น (Options) ทำให้การลงทุนในหุ้นเกิดพลังทวีอย่างมาก เพราะแทนที่ผมจะซื้อหุ้น หากผมซื้อออปชั่น ผมยังสามารถควบคุมหุ้นได้ แต่จะประหยัดกว่าเพราะจ่ายแค่เพียงเสี้ยวหนึ่งของราคาหุ้น ออปชั่นให้สิทธิแก่ผมที่จะทำการซื้อขายหุ้นจำนวนหนึ่ง ณ ราคาที่ตกลงกันไว้ ในช่วงเวลาที่ได้กำหนดไว้ สัญญาซึ่งให้สิทธิกับผมในการซื้อหุ้น ณ ราคาคงที่เรียกว่า คอลออปชั่น (Call Options) สัญญาซึ่งให้สิทธิกับผมในการขายหุ้น ณ ราคาคงที่เรียกว่า พุทออปชั่น (Put Options) ส่วนกองทุนเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) ให้โอกาสผมลงทุนอย่างมีหลักประกัน เป็นกองทุนที่สามารถลงทุนได้ในแทบทุกโอกาส ในทุกๆตลาดที่มีแนวโน้มที่ทำกำไรในระดับความเสี่ยงต่ำ กลยุทธ์ของเฮดจ์ฟันด์นั้นมีหลายรูปแบบ แต่วัตถุประสงค์หลักคือ การลดความผันผวนและความเสี่ยงในเงินลงทุนของนักลงทุน ในขณะเดียวกันสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกในทุกสภาวะตลาด”

(ที่มา: Robert Kiyosaki www.richdad.com บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) www.se-ed.com)