งานและอาชีพด้านการลงทุนในต่างประเทศ

งานและอาชีพด้านการลงทุนในต่างประเทศ

ทางเลือกที่ 1 : โบรคเกอร์ (Broker)

เรื่อง จริงที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อเรื่อง "The Pursuit of Happyness" วีรบุรุษนักขายที่กลายเป็นตำนานของอเมริกา ตีแผ่หนทางพิชิตความจนของเซลล์แมนฝีมือเลิศ คริส การ์ดเนอร์ (รับบทโดย วิล สมิธ) ที่ครั้งหนึ่งต้องแบกภาระเป็นหางเสือนำทางให้ครอบครัวพ้นจากภาวะยากจน แต่เพราะพิษเศรษฐกิจรุมเร้าเกินเยียวยา ภรรยาของคริสจึงทิ้งเขาและลูกชายวัย 5 ขวบ ให้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจติดลบเพียงลำพัง คริสกลายเป็นคุณพ่อหม้ายลูกติดที่ต้องกัดฟันสู้กับความจนอย่างรุนแรง บ่อยครั้งที่เขาต้องกระเตงลูกชายตัวน้อยออกเร่ร่อนเหมือนคนจรจัด กับเงินติดกระเป๋าเพียง 1 ดอลลาร์ แต่เพราะใจสู้บวกกับความฉลาด เขาสู้ยิบตาเพื่อหางานที่ให้ค่าจ้างสูงขึ้น เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของลูกชายสุดที่รัก หลังจากรับรู้รสชาติของความจนถึงขีดสุด วันหนึ่งหนทางสู่ความสุขของ 2 พ่อลูกก็ปรากฏขึ้น เมื่อคริสเดินผ่านหน้าบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ เขาสังเกตเห็นว่าทำไมคนที่นี่ถึงมีรอยยิ้มที่มีความสุข ในขณะที่เขาทุกยากแสนสาหัส คริสจึงเกิดความคิดใหม่ขึ้นมาว่า “เขาควรทำงานเกี่ยวกับการเงิน” คริสจึงมุ่งมั่นสู่การเป็นโบรคเกอร์ในบริษัทโบรกเกอร์อันทรงเกียรติแห่ง หนึ่ง เขาใช้มันสมองมาพลิกแพลงเป็นกลเม็ดการขายได้อย่างน่าทึ่ง และด้วยพลังแห่งความรักที่มีต่อลูก กลายเป็นแรงพลักดันมหาศาลที่นำพาคริสไปสู่ความสำเร็จที่กลายเป็นตำนานในตลาด หุ้นวอลสตรีท ประเทศสหรัฐอเมริกา (www.sonypictures.com)

แง่คิดสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต

1.คุณ ต้องเชื่อด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงว่าคุณก็สามารถทำมันได้ จงอย่าเชื่อด้วยอารมณ์ความรู้สึกว่าคุณคงไม่สามารถทำมันได้ คำพูดของคริสที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดนี้ก็คือ ตอนที่เขาถามคำถามผู้ชายที่กำลังจอดรถสปอร์ตเปิดประทุนสีแดงว่า “คุณทำงานอะไรอยู่และต้องทำอย่างไรถึงจะได้งานนี้ทำ ต้องจบมหาวิทยาลัยหรือไม่” คำตอบที่ได้คือ “ผมเป็นโบรกเกอร์หุ้น คุณไม่จำเป็นต้องจบมหาวิทยาลัย แค่คุณเก่งเรื่องตัวเลขและเก่งเรื่องผู้คนก็ทำได้แล้ว” หลังจากนั้นคริสก็มองไปรอบๆบริเวณนั้นแล้วเล่าว่า “ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี ผู้คนบริเวณนั้นแลดูมีความสุขสุดๆในความคิดของผม ทำไมผมจะดูมีความสุขแบบนั้นบ้างไม่ได้” - “Man, I got two questions for you: What do you do? And how do you do it?” “I’m a stockbroker.” “Stockbroker. Oh, goodness. Had to go to college to be a stockbroker, huh?” “You don’t have to. Have to be good with numbers and good with people. That’s it.” “I still remember that moment. They all looked so damn happy to me. Why couldn’t I look like that?”

2.คุณ ต้องปกป้องความฝันของคุณ จงอย่าให้ใครมาขโมยความฝันของคุณไปได้ คำพูดของคริสที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดนี้ก็คือ ตอนที่พ่อวัยสามสิบสอนลูกชายวัยห้าขวบว่า “อย่าให้ใครมาบอกว่าลูกไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่ตัวพ่อเอง เมื่อลูกมีความฝัน ลูกต้องปกป้องมันไว้ คนที่ไม่สามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้ พวกเขาต้องการบอกลูกว่าลูกก็ไม่สามารถทำมันได้เช่นกัน ถ้าลูกต้องการอะไรในชีวิต ลูกต้องไปเอามันมาให้ได้” - “Don’t ever let somebody tell you...you can’t do something, not even me. You got a dream...you gotta protect it. People can’t do something themselves...they wanna tell you you can’t do it. If you want something go get it. Period.”

3.คุณ ต้องแสวงหาความสุขแด้วยตัวของคุณเอง จงอย่ารอโชคชะตาฟ้าลิขิต คำพูดของคริสที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดนี้ก็คือ ตอนที่ภรรยาของคริสบอกกับคริสทางโทรศัพท์ว่าเธอกำลังทิ้งเขาไป “มันเป็นตอนที่ผมเริ่มต้นคิดถึงคำพูดของ โธมัส เจฟเฟอร์สัน คำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเราในชีวิต อิสรภาพ และการแสวงหาความสุข ซึ่งผมกำลังคิดว่า เขารู้ได้อย่างไรที่ต้องใส่คำว่า “แสวงหา” ก่อนหน้าคำว่า “ความสุข” ในส่วนนั้น” - “It was right then that I started thinking about Thomas Jefferson...the Declaration of Independence...and the part about our right to life, liberty and the pursuit of happiness. And I remember thinking: How did he know to put the “pursuit” part in there?”

ทางเลือกที่ 2 : เทรดเดอร์ (Trader)

ซีรี่ส์ ทีวีเรียลลิตี้เชิงสารคดีชื่อเรื่อง "Wall Street Warriors" ได้สัมภาษณ์เทรดเดอร์ที่น่าสนใจเป็นกรณีศึกษา ได้แก่ Timothy Sykes ปี 1999-2002 ในระหว่างที่เขาเป็นนักศึกษาเรียนปริญญาตรีสาขาปรัชญาที่ Tulane University เขาเริ่มต้นเป็นเทรดเดอร์ลงทุนด้วยเงิน $12,415 เขาเทรดหุ้นจนเงินก้อนนี้กลายเป็น $1,650,000 ช่วงปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัยคือปี 2003 เขาได้เริ่มต้นก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟัดน์ (Hedge Fund) โดยที่เขาเป็นผู้บริหารกองทุน (Fund Manager) อาจกล่าวได้ว่าเขาประสบความสำเร็จทางด้านการเงินตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ มหาวิทยาลัย และเขาก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตั้งแต่อายุ 26 เขาได้เล่าประสบการณ์ของเขาไว้ในหนังสือที่เขาเขียนชื่อเรื่อง "An American Hedge Fund: How I Made $2 Million as a Stock Operator & Created a Hedge Fund" (en.wikipedia.org & www.mojohd.com)

ทางเลือกที่ 3 : ฟันด์เมเนเจอร์ (Fund Manager)

John D. Arnold ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Centaurus Energy ในปี 2007 ตอนที่เขาอายุ 33 ปี นิตยาสาร Forbes จัดอันดับให้เขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกาอันดับที่ 317 กล่าวกันว่ากองทุนของเขาสามารถสร้างผลตอบแทนต่อปีได้ 240% มาตั้งแต่ปี 2002 ทรัพย์สินภายใต้การบริหารของเขาคือ $2,000 ล้าน รายได้โดยประมาณของเขาในปี 2007 คือ $480 ล้าน ส่วนในปี 2008 คือ $1,500 ล้าน ซึ่งมากกว่า George Soros ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Soros Fund Management ที่ทำได้ในปี 2008 คือ $1,100 ล้าน (www.forbes.com & www.nytimes.com)

ทางเลือกที่ 4 : แอดไวเซอร์ (Advisor)

Chuck Hughes ผู้คิดค้นระบบการเทรดโดยใช้กลยุทธ์ Global PowerTrend System ก่อนที่เขาจะเข้ามาศึกษาเรื่องตลาดหุ้นอย่างจริงจัง เขามีอาชีพเป็นนักบินของสายการบินพาณิชย์ เขาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นครั้งแรกในปี 1984 ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง $4,600 หลังจากใช้กลยุทธ์การลงทุนใน ETFs เขาสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น $4,672,382 เขาคิดค่าบริการ Global PowerTrend System Advisory ที่ราคา $6,995 (www.gpsadvisory.com)

ทางเลือกที่ 5 : เทรนเนอร์ (Trainer)

Optionetics, Inc. หนึ่งในผู้นำการให้บริการการศึกษาด้านการลงทุนในสหรัฐฯ ถูกเสนอซื้อกิจการเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2009 โดย optionsXpress Holdings, Inc. บริษัทโบรกเกอร์ในตลาดแนสแดค (Nasdaq:OXPS) ด้วยเงินสดประมาณ $20 ล้าน บวกเงินสดเพิ่มเติมต่างหากโดยคำนวนบนพื้นฐานของผลงานในอนาคต (www.reuters.com)